ผลไม้เป็นอาหารกลุ่มหนึ่งใน 5 กลุ่มหลักที่ร่างกายควรได้รับทุกวัน เนื่องจากอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินมากมาย นอกจากนี้ยังมีใยอาหารที่จะช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้อีกด้วย นอกจากนี้ผลไม้ยังมีรสชาติความหวานเนื่องมาจากน้ำตาลที่มีในผลไม้ แต่คุณรู้ไหมว่าผักและผลไม้ก็ทำให้อ้วนได้เหมือนกัน ถ้ากินมากเกินไปหรือกินแต่ผักและผลไม้ที่มีรสหวานมากๆ วันนี้เราจึงมานแนะนำ ปริมาณน้ำตาลในผลไม้ น้ำตาลสูงที่เราควรกินแต่น้อย เลือกกินให้พอดี
สับปะรด
สับปะรดเป็นผลไม้รสชาติหวานอมเปรี้ยว ปกติแล้วจะมีกรดตามธรรมชาติทำให้กินแล้วรู้สึกแสบลิ้นเนื่องจากเอนไซม์ในสับปะรดสามารถย่อยโปรตีนได้ แต่ก็มีสับปะรดบางพันธุ์ที่หวานอร่อยไม่แสบลิ้น เช่น สับปะรดภูแลของไทย สับปะรดมีส่วนช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะและยังช่วยลดภาวะบวมน้ำ แต่ด้วยปริมาณน้ำตาล 11.11 กรัมต่อปริมาณสับปะรด 100 กรัม จึงถือว่าเป็นผลไม้น้ำตาลสูงที่ไม่ควรกินมากเกินไปค่ะ
ปริมาณน้ำตาล : 11.11 กรัม
ปริมาณแนะนำต่อวัน : 6-8 ชิ้น
ทุเรียน
ถ้าพูดถึงน้ำตาลในผลไม้แต่ละชนิด ผลไม้ชนิดไหนน้ำตาลสูงหลายคนต้องคิดถึงทุเรียนแน่นอน เพราะเนื้อที่ทั้งหวานทั้งมัน เข้มข้นแบบเนื้อครีม แต่ความจริงแล้วปริมาณน้ำตาลในทุเรียนกลับไม่ได้สูงขนาดนั้น เพราะมีน้ำตาล 12.89 กรัมต่อปริมาณเนื้อทุเรียน 100 กรัม นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยดีท็อกซ์ลำไส้และมีวิตามินซีสูง แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงจึงควรกินแค่วันละ 1 พูก็พอแล้วค่ะ
ปริมาณน้ำตาล : 12.89 กรัม
ปริมาณแนะนำต่อวัน : 1 พู
สละ
สละรสชาติหอม หวาน อมเปรี้ยวเล็กๆ ก็มีน้ำตาลแฝงเยอะไม่แพ้กัน เพราะน้ำตาลในผลไม้แต่ละชนิดไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของผลไม้แต่ขึ้นอยู่กับผลไม้แต่ละประเภทมากกว่า ในสละ 100 กรัมมีน้ำตาลอยู่ 13.40 กรัม แต่ถึงอย่างนั้นสละก็มีประโยชน์ดีๆ อีกหลายอย่างทั้งช่วยดับกระหาย เพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก แต่ต้องรับประทานให้พอดี
ปริมาณน้ำตาล : 13.40 กรัม
ปริมาณแนะนำต่อวัน : 2-3 ลูก
อ้อย
อ้อยเป็นผลไม้ที่เรานิยมคั้นเอาน้ำมาดื่มมากกว่า แต่ก็มีหลายคนชื่นชอบการเคี้ยวอ้อยแช่เย็นเพื่อรับรสชาติความหอมหวานตามธรรมชาติของอ้อย อ้อยมีสรรพคุณที่มีประโยชน์หลากหลาย ทั้งช่วยบำรุงหัวใจ รักษาอาการอ่อนเพลีย แก้อาการร้อนใน แก้ช้ำใน และมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง แต่เนื่องจากมีน้ำตาลสูงจึงควรกินให้พอดี ไม่กินมากไป และถ้าดื่มน้ำอ้อยก็ไม่ควรเติมน้ำตาลเพิ่ม
ปริมาณน้ำตาล : 14.63 กรัม
ปริมาณแนะนำต่อวัน : 6-8 ชิ้น
น้อยหน่า
บางครั้งเราก็เดาไม่ถูกเลยว่าน้ำตาลในผลไม้แต่ละชนิดจะสูงหรือต่ำ อย่างน้อยหน่าที่ดูเป็นผลไม้เมล็ดเยอะกลับเป็นผลไม้น้ำตาลสูงอันดับที่ 6 ของเรา เพราะในเนื้อน้อยหน้านั้นมีรสชาติหอมหวานเหมือนเนื้อครีม มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและยังมีไขมันต่ำ ถึงจะมีน้ำตาลสูงแต่ถ้าสาวๆ กินในปริมาณที่เหมาะสม น้อยหน่าก็คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดในช่วงลดน้ำหนัก
ปริมาณน้ำตาล : 16.19 กรัม
ปริมาณแนะนำต่อวัน : 1 ผล
มะม่วง
หนึ่งในราชาแห่งผลไม้ของไทยที่ติดอันดับ 5 ของลิสต์น้ำตาลในผลไม้แต่ละชนิดของเรา มะม่วงดิบมีทั้งรสมันและเปรี้ยว แต่มะม่วงสุกเนื้อจะกลายเป็นผลไม้รสหอมหวานชื่นใจ มีวิตามินเอและซีสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณ นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย
ปริมาณน้ำตาล : 17.88 กรัม
ปริมาณแนะนำต่อวัน : 1 ลูก
ลิ้นจี่
ลิ้นจี่เป็นผลไม้ลูกเล็กรสชาติหวานชื่นใจ คนโบราณนิยมกินลิ้นจี่เป็นผลไม้บำรุงร่างกายโดยเฉพาะ เนื่องจากมีรสหวานสดชื่น ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ลดความอ่อนเพลีย มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก สาวๆ คนไหนที่อยากลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมต้องกินลิ้นจี่เป็นประจำนะคะเพราะในลิ้นจี่มีสารเพอร์ริคาพที่ช่วยต้านเซลล์มะเร็งเต้านมนั่นเอง แต่ถึงจะมีประโยชน์แค่ไหนก็อย่ากินเกิด 4 ผลต่อวัน
ปริมาณน้ำตาล : 18.65 กรัม
ปริมาณแนะนำต่อวัน : 2-4 ผล
กล้วยหอม
กล้วยหอมเป็นผลไม้สารพัดประโยชน์เพราะให้พลังงานที่จำเป็นแก่ร่างกาย เหมาะกับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ไฟเบอร์สูง ช่วยบำรุงสายตา ช่วยย่อยอาหาร และยังเป็นแหล่งพลังงานจำเป็นที่หลายคนมักพกติดตัวเป็นของว่างระหว่างวัน แต่ถึงจะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์เยอะมากและเหมาะกับการกินช่วงลดความอ้วน แต่ก็ไม่ควรกินเกินวันละ 1-2 ลูกนะคะ ไม่อย่างนั้นแทนที่น้ำหนักจะลดอาจเพิ่มขึ้นมาแทน
ปริมาณน้ำตาล : 20.61
ปริมาณแนะนำต่อวัน : 1-2 ลูก
กล้วยไข่
กล้วยไข่เป็นผลไม้ที่คนไทยโบราณนิยมนำผลดิบมาใช้เป็นยาสมุนไพร แต่หากเป็นกล้วยไข่สุกจะอุดมไปด้วยวิตามินซีและเบต้าแคโรทีนที่ช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิว และบำรุงระบบภูมิคุ้มกันของเรา แต่ด้วยปริมาณน้ำตาลที่สูง อย่าลืมกินกล้วยไข่ไม่เกิน 1-2 ลูกต่อวันจะดีที่สุดค่ะ
ปริมาณน้ำตาล : 21.83 กรัม
ปริมาณแนะนำต่อวัน : 1-2 ลูก
กล้วยน้ำว้า
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าน้ำตาลในผลไม้แต่ละชนิด ผลไม้อะไรมีน้ำตาลสูงสุด คำตอบก็คือกล้วยน้ำว้านั่นเองค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่ากล้วยลูกเล็กๆ จะมีปริมาณน้ำตาลเยอะเกินตัว เพราะฉะนั้นถึงกล้วยน้ำว้าจะมีแคลเซียมและไฟเบอร์สูง รวมถึงอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางและช่วยให้นอนหลับสบาย ก็ไม่ควรกินเกินวันละ 1 ลูกนะคะ
ปริมาณน้ำตาล : 23.67 กรัม
ปริมาณที่ควรกินต่อวัน : 1 ลูก
ถึงอย่างไรน้ำตาลในผลไม้ก็ยังเป็นสิ่งดี เพียงแต่ต่องระวังเรื่อง ปริมาณน้ำตาลในผลไม้ แต่อย่างไรก็ดี ผลไม้ก็ยังให้ประโยชน์อย่างอื่นด้วย ทั้งให้ใยอาหารสูง และไขมันต่ำ