อาหารนานาชาติรสเลิศ รังสรรรสชาติให้ถูกปากคนไทย ในราคาประหยัด พอทั้งชิลกับบรรยากาศร้านแสนร่มรื่น ที่ “Airniversary Camp&Cafe” เชียงใหม่
ย้อนกลับไปราว ๆ 9 ปีที่แล้ว คิดว่าคงมีไม่น้อยที่ต้องคุ้นชื่อกับร้าน Loghome Boutique House&Cafe ร้านอาหารนานาชาติเชียงใหม่ที่ใครเป็นสายกินจะต้องรู้จัก และคุ้นชินกับรสชาติของความผสมผสานความเป็นตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัวจนหลายคนติดอกติดใจ ซึ่งปัจจุบันร้านนั้นก็ได้ปิดตัวลง และย้ายจากฐานที่ตั้งเดิมเปลี่ยนไปประจำการ เสิร์ฟรสชาติความเด็ดที่มัดใจนักกินในฐานที่มั่นใหม่ ตรงถนนเส้นวัดพันอ้นเส้นเดิมเพิ่มเติมคือตรงไปจนเกือบถึงคูเมืองฝั่งประตูเมืองเชียงใหม่ และเปลี่ยนชื่อร้านเป็น “Airniversary Camp&Cafe” ถ้าใครเป็นสาวกของรสชาติที่คุ้นเคยนี้ ตามเรามาเลย เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟัง
“Airniversary Camp&Cafe” เชียงใหม่ ย้ายมาเปิดใหม่ และได้เปลี่ยนรูปโฉมการตกแต่งร้านไปจนลืมภาพเก่าไปเลย เพราะร้านใหม่ตรงนี้ ตกแต่งมาในสไตล์ที่ดูมีความเป็นร้านอาหารยุโรป ที่ผสมผสานความกึ่งคาเฟ่แบบ Gramping และได้ใช้ไม้จากร้านเดิม ซึ่งมีความหอมกรุ่นของไม้ทั่วทั้งร้าน ยังไม่พอรอบกายของเรา จะเต็มไปด้วยเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่ล้อมรอบ ร่มรื่นสุด ๆ เลย ที่สำคัญบรรยากาศข้างในร้านยัง กว้างขวางมาก ก.ไก่ ล้านตัวเลย อ้อ! ในปัจจุบันที่จอดรถอาจจะยังไม่สะดวกเท่าไร แต่เร็ว ๆ นี้ ร้านจะมีลานจอดรถไว้สำหรับนักกินทั้งหลายเลย
ชิลกับบรรยากาศร้าน “Airniversary Camp&Cafe” เชียงใหม่เพลินจนลืมไปว่านี่เวลา 12.00 น. แล้วท้องไส้ก็ทำการร้องจ๊อกขึ้นมาทันทีขอเริ่มด้วยเมนูที่มาแล้วต้องโดนอย่าง “Airniversary Pizza” (ราคา 345 บาท) พิซซ่าซิกเนเจอร์รสเด็ดที่ผสมผสานรสชาติระหว่างความเป็นอิตาเลียนเข้ากับอาหารเหนืออย่างไส้อั่วที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากันแต่กลับเข้ากันได้อย่างลงตัว และ “Pizza กะเพราไก่ไข่ดาว” (ราคา 375 บาท) อีกหนึ่งพิซซ่าที่เกิดจากการผสมผสานอาหารไทยยอดฮิตอย่างกะเพราเข้ากับอาหารอิตาเลียนจนได้เป็นความลงตัวที่ไม่สามารถประเมินค่าของรสชาตินี้ได้เลย
ตามประกบคู่กับเมนู “ซี่โครงย่างบาร์บีคิว” (ราคา 280 บาท) ซี่โครงหมูชิ้นโตย่างบนกระทะร้อน ๆ จนหอมและสุกได้ที่ราดคลุกเคล้าด้วยซอสบาร์บีคิวสูตรลับของทางร้าน รสชาติลุ่มลึกเกินห้ามใจ และเมนู “สเต๊กเนื้อย่างจิ้มแจ่ว” (ราคา 295 บาท) เนื้อส่วนหัวลูกมะพร้าว (Sirloin Tip) ถูกนำไปย่างบนเตาร้อน ๆ จนได้ความสุกที่ฉ่ำกำลังดีเสิร์ฟเคียงคู่มาด้วยเหล่าเฟรนซ์ฟรายส์และสลัดพักไฮไลต์สำคัญของเรื่องอยู่ที่น้ำจิ้มแจ่วถึงรสอีสานแท้
อีกหนึ่งเมนูของการผสมผสานได้อย่างลงตัว “สปาเกตตีต้มยำกุ้ง” (ราคา 170 บาท) เมนูลูกครึ่งไทยอิตาเลียน กับรสชาติที่ถูกปากใครหลายคน โดยเส้นสปาเกตตีสัมผัสนุ่มหนึบ ผัดเข้ากันกับต้มยำกุ้งผัดแห้งจนรสชาติต้มยำกุ้งเข้าไปซุกซ่อนอยู่ในเส้น จนเรียกได้ว่าเส้นสปาเกตตีนั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติของต้มยำกุ้งทั้งหม้อเลย ท็อปมาด้วยกุ้งขาวตัวโตเนื้อเด้ง คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว
“ก๋วยเตี๋ยวไทใหญ่” (ราคา 150 บาท) อาหารพื้นบ้านของทางไทใหญ่ ที่หากินได้ยากในบ้านเรา เสิร์ฟบนหม้อดินเผา หน้าตาจะคล้าย ๆ กับก๋วยเตี๋ยวทางบ้านเราแต่เส้นใช้เส้นของไทใหญ่แท้ ๆ เนื้อนุ่ม ๆ ราดมากับน้ำซุปของไทใหญ่ ซึ่งจะมีหมูสับเน้น ๆ แหวกว่ายอยู่ในนั้น รสชาติกลมกล่อมอย่าบอกใครวิธีกินให้นำน้ำจิ้มของไทใหญ่ และพริกเผาใส่เข้าไปด้วยกันทั้งหมด ปิดท้ายด้วยมะนาวห้ามขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปเป็นอันขาดเลยนะไม่งั้นรสชาติอาจจะผิดเพี้ยนไปได้
ต่อกับเมนู “ยำปลาข้าวสาร” (ราคา 220 บาท) ปลาข้าวสาร ส่งตรงมาสด ๆ จากทะเล นำไปทอดจนเหลืองกรอบได้ที่ จากนั้นถูกคลุกเคล้าด้วยน้ำยำสุดแซ่บซี้ด ความจัดจ้านของจานนี้ต้องร้องลั่นออกมาว่า แซ่บอีหลีแท้ “เปาะเปี๊ยะกุ้งสด” (ราคา 170 บาท) กุ้งสดทั้งตัว ถูกห่อหุ้มด้วยแป้งเปาะเปี๊ยะโฮมเมดลงไปทอดจนได้สีเหลืองทองเนื้อกรุบกรอบจิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วยรสเด็ดแล้ว ดีงามเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องดื่มที่เติมความสุดชื่นอีกหลากหลายอย่างเช่น “Black Coffee Syphon” (ราคา 95 บาท) เมล็ดกาแฟจากยอดดอยทางเหนือสุดพรีเมียมคอกาแฟไม่ควรพลาด “Hot Latte” (ราคา 65 บาท) ลาเต้นุ่มนวลอหอมกลิ่นกาแฟฟุ้งทั่วทั้งปาก “Long black fruit iced coffee” (ราคา 85 บาท) กาแฟผลไม้ที่ให้ความสดชื่นได้อย่างเต็มที่ “Air Heaven” (ราคา 180 บาท) เครื่องดื่มที่เลียนแบบรสชาติ Cocktail แต่ไม่มีแอลกอฮอลผสมกินชื่นใจในส่วนของเค้กบอกเลยว่าร้านทำเค้กโฮมเมด และใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจากนานาประเทศมารวมอยู่ในเค้กแต่ละชิ้นเริ่มด้วย “Mango cheese cake” (ราคา 120 บาท) ฐานแครกเกอร์บางกรอบหอมเนยเนื้อชีสเค้กนุ่มเนียนแน่นชีสหอมหวานกำลังดี, “Blueberry Cheese Cake” (ราคา 120 บาท) ซอสบลูเบอร์รีรสหวานเปรี้ยวลงตัว, “Strawberry short cake” (ราคา 140 บาท) เแป้งส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นจึงทำให้เนื้อเค้กนุ่มเป็นพิเศษเสิร์ฟพร้อมสตรอว์เบอร์รีลูกโตกับเนื้อครีมนุ่มรับประกันความฟิน, “Redvelvet” (ราคา 140 บาท) เนื้อเค้กเข้มข้นนุ่มแน่นกับช็อกโกแลตและครีมขีสที่เข้มข้นลงตัวสุดที่สายหวานไม่ควรพลาด
การเดินทาง
- ใช้เส้นทางวัดพันอ้น ตรงเข้ามาเรื่อย ๆ ก่อนจะถึงแยกเบี่ยงเข้าคูเมืองฝั่งประตูเชียงใหม่ ร้านจะอยู่ขวามือ
- เวลาเปิด-ปิด : เปิดเวลา 08.00 – 23..00 น. หยุดทุกวันพุธ
- เบอร์ติดต่อ : 088-138-4609